การเคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชน

 

 

 

การดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน

การวางรากฐานในการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน

บริษัทให้ความสำคัญในการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน โดยดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียอย่างสมดุล ด้วยหลักบรรษัทภิบาล ภายใต้การดูแลกิจการที่ดี และการเคารพในสิทธิมนุษยชน ควบคู่ไปกับแนวทางบริหารจัดการธุรกิจที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน ยึดความถูกต้องและปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริม BCG Model ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนและสังคมในประเทศอย่างทั่วถึง สามารถกระจายโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บริษัทได้ปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ได้แก่ พนักงาน คู่ค้า ลูกค้า และชุมชนท้องถิ่น บนพื้นฐานหลักสิทธิมนุษยชน โดยกำหนดเป็นนโยบายของบริษัททั้งจรรยาบรรณธุรกิจ (Code of Conduct) จรรยาบรรณคู่ค้าด้านการจัดซื้อ จัดหา ว่าจ้าง (Supplier Code of Conduct) ที่ทำร่วมกันกับคู่ค้า และการปฏิบัติตามบทบัญญัติที่กำหนดไว้ในหลักการสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศและมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ รวมถึงปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติและปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิขั้นพื้นฐานและสิทธิในการทำงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานไทย พ.ศ. 2560 และองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labor Organization : ILO) 

แนวทางการบริหารจัดการ

บริษัทให้ความสำคัญต่อการเคารพสิทธิพนักงาน

บริษัทมีการบริหารจัดการด้านแรงงานที่รับผิดชอบโดยฝ่ายบุคคล โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเคารพสิทธิมนุษยชนในเรื่องความหลากหลายต่าง ๆ เช่น เชื้อชาติ ศาสนา รสนิยมทางเพศ  เพศ อายุ ความพิการ และสัญชาติ เป็นต้น การส่งเสริมให้โอกาสในการทำงานและความก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างเท่าเทียมกันและเป็นธรรม โดยไม่เลือกปฏิบัติ สนับสนุนสิทธิในการรวมตัวเกี่ยวกับเสรีภาพในการสมาคม และการร่วมเจรจาต่อรองร่วมตามสิทธิขั้นพื้นฐาน เปิดโอกาสที่เท่าเทียมในการเปิดเผยข้อมูลทั่วไป โดยมีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน ป้องกันไม่ให้มีการใช้แรงงานเด็ก ไม่มีการใช้แรงงานเกณฑ์ (แรงงานที่ถูกเกณฑ์มาให้ทำงาน โดยผิดกฎหมาย) ไม่มีการใช้แรงงานบังคับ (การบังคับให้แรงงานทำงานเกินเวลากว่าที่กฎหมายกำหนด โดยไม่ได้รับค่าตอบแทน)

บริษัทได้ปฏิบัติต่อพนักงานอย่างเป็นธรรมตามหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อกำกับดูแลตามสิทธิขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิตและสิทธิในการแสดงความคิดเห็น  มีฝ่ายบุคคลเป็นผู้ประสานงานดำเนินการด้านสวัสดิภาพของพนักงาน  มีการตั้งคณะกรรมการสวัสดิการ และมีตัวแทนพนักงานทำหน้าที่ในการเจรจาต่อรองร่วมกับบริษัทเกี่ยวกับข้อตกลงที่ส่งผลกระทบต่อพนักงาน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ปลอดภัยและมีความสุขในการทำงานให้แก่พนักงานโดยคำนึงถึงความปลอดภัยและมีสิ่งอำนวยความสะดวกตามความจำเป็นและเพียงพอ เพื่อให้พนักงานมีความสุขตามหลักของดำเนินโครงการ Happy Workplace  

บริษัทมีการประเมินผลการทำงานของพนักงานทุกคนด้วยหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนและนำผลการประเมินการทำงานของพนักงานมาใช้ในการพิจารณากำหนดค่าตอบแทนอย่างเป็นธรรม มีการจัดอบรมหลักสูตรต่าง ๆ แก่พนักงานตามความเหมาะสมให้สอดคล้องกับตำแหน่งงานและลักษณะงานที่รับผิดชอบ เพื่อช่วยส่งเสริมความก้าวหน้าและพัฒนาศักยภาพแก่พนักงาน บริษัทยังมีการวัดระดับความพึงพอใจและความผูกพันของพนักงานที่มีต่อบริษัทเป็นประจำทุกปี และนำผลการประเมินความพึงพอใจไปพิจารณาจัดทำโครงการ นโยบาย ระเบียบปฏิบัติเพื่อปรับปรุงการดูแลและส่งเสริมศักยภาพของพนักงาน นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดให้มีระบบอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมการทำงานแก่พนักงานเป็นอย่างดี

บริษัทให้ความสำคัญต่อการเคารพสิทธิคู่ค้า

บริษัทได้ปฏิบัติต่อคู่ค้าอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม จัดให้มีกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างอย่างโปร่งใสและการแข่งขันที่เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ มีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า ส่งเสริมให้คู่ค้าจะต้องปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนโดยการไม่ใช้แรงงานเด็ก แรงงานเกณฑ์และแรงงานบังคับ ทั้งนี้  บริษัทได้นำประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน และอาชีวอนามัยและความปลอดภัยผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งในจรรยาบรรณคู่ค้าด้านการจัดซื้อ จัดหา ว่าจ้าง (Supplier Code of Conduct) ของบริษัทที่ทำร่วมกับคู่ค้า โดยบริษัทได้ประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG Risk) ของคู่ค้าเป็นประจำทุกปี เพื่อให้มั่นใจว่าคู่ค้าของบริษัทจะดำเนินธุรกิจอย่างเคารพสิทธิมนุษยชน บริษัทยังได้จัดให้มีระบบอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานแก่คู่ค้า ผู้รับเหมาอย่างเหมาะสมอีกด้วย

บริษัทให้ความสำคัญต่อการเคารพสิทธิลูกค้า

โดยปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างเป็นธรรม ทั้งการผลิตและส่งมอบไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพ และปลอดภัยในการจ่ายกระแสไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง  มีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า  รวมถึงมีการสำรวจและประเมินความพึงพอใจของลูกค้าทั้งลูกค้าโรงไฟฟ้า และลูกค้าโรงงานเชื้อเพลิงขยะเป็นรายไตรมาส

บริษัทให้ความสำคัญต่อการเคารพสิทธิชุมชนท้องถิ่น

บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของชุมชนท้องถิ่น โดยให้การดูแล สนับสนุน และสานสัมพันธ์อันดีกับชุนชุน มีการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของของชุมชนอย่างต่อเนื่อง และยังได้จัดทำรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประกอบการ CSR-DIW Continuous รายงานผลการสำรวจติดตามตรวจสอบด้านเศรษฐกิจและสังคมของชุมชนของโครงการโรงไฟฟ้า และรายงานสรุปผลการสำรวจความพึงพอใจของชุมชนของโครงการโรงไฟฟ้า เป็นประจำทุกปี เพื่อสำรวจข้อกังวลของชุมชนและสังคมที่อาจได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของบริษัท และนำข้อกังวลที่สำรวจพบมาแก้ไขปรับปรุงเพื่อลดผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อชุมชนและสังคมโดยรวม รวมถึงส่งเสริมการจ้างพนักงานจากชุมชนโดยรอบ และจ้างแรงงานชุมชนเพื่อการปลูกป่าประจำปี เพื่อสนับสนุนให้คนในชุมชนมีรายได้เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท

เป้าหมายการดำเนินงาน

บริษัทตระหนักถึงความสำคัญด้านสิทธิมนุษยชนในการดำเนินธุรกิจซึ่งปรากฏอย่างชัดเจนจากความมุ่งมั่นผ่านนโยบายสิทธิมนุษยชนของบริษัท อีกทั้งได้เริ่มจัดให้มีกระบวนการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน โดยการประเมินความเสี่ยงจากโอกาสที่อาจเกิดขึ้นและผลกระทบของประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อช่วยให้บริษัททราบถึงผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้มีส่วนได้เสียผู้จากภายในและภายนอกองค์กร และยังช่วยให้บริษัทสามารถระบุและจัดลำดับความสำคัญของความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในระดับองค์กร ซึ่งส่งผลให้บริษัทสามารถวางแผนจัดการผลกระทบจากประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่มีความเสี่ยงสูงได้ด้วยการประเมินผลกระทบเพิ่มเติมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence : HRDD)

ด้วยเหตุที่บริษัทได้ตระหนักถึงความสำคัญในการบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชนที่ผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่าของบริษัทอาจได้รับผลกระทบจากการละเมิดด้านสิทธิมนุษยชน บริษัทจึงมีกระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence : HRDD) โดยคณะทำงานพัฒนาความยั่งยืนของบริษัท ซึ่งมีขั้นตอน ดังนี้

ขั้นตอนกระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน

 

                                                                                                                         

 

  1. ประกาศนโยบายเป็นข้อผูกพันเชิงนโยบาย (Policy Commitment)

บริษัทมีการกำหนดนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนของบริษัทให้ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่าของบริษัททั้งพนักงาน คู่ค้า ลูกค้า และชุมชนท้องถิ่น ได้แก่ จรรยาบรรณ ทีพีไอโพลีน เพาเวอร์ (Code of Conduct) จรรยาบรรณคู่ค้าด้านการจัดซื้อ จัดหา ว่าจ้าง (Supplier Code of Conduct) ประกาศเรื่องนโยบายสิทธิมนุษยชนสากลของบริษัท เลขที่ 006/2559 และประกาศ เรื่องนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Policy) เลขที่ บค 0017/2564

 

                 จรรยาบรรณ ทีพีไอโพลีน เพาเวอร์ (Code of Conduct)

http://www.tpipolenepower.co.th/index.php/th/th-aboutus/code-of-conduct-th

 

 

จรรยาบรรณคู่ค้าด้านการจัดซื้อ จัดหา ว่าจ้าง (Supplier Code of Conduct)

http://www.tpipolenepower.co.th/index.php/th/th-aboutus/supplier-code-of-conduct-th

 

 

ประกาศเรื่องนโยบายสิทธิมนุษยชนสากลของบริษัท เลขที่ 006/2559 และประกาศ

เรื่องนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Policy)

  http://www.tpipolenepower.co.th/index.php/th/th-aboutus/pdpa

 

 

  1. การปลูกฝังผ่านนโยบายองค์กร

บริษัทมุ่งมั่นต่อการดำเนินตามนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน โดยส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมการเคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชนทั่วทั้งองค์กร มีการอบรมและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการเคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชนให้แก่พนักงานทุกระดับภายในองค์กร  และมีการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง

  1. การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน

บริษัทได้มีการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน และจะทำการศึกษาทบทวนประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่าเป็นประจำทุกปี เพื่อให้มั่นใจว่าแผนงาน และมาตรการการบรรเทา แก้ไข และเยียวยาผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนของบริษัทนั้้น มีความเหมาะสม มีประสิทธิภาพ และมีความเป็นปัจจุบัน โดยผลจากการประเมินความเสี่ยงที่ได้นั้นจะช่วยให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจ ตามหลักสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ปฏิบัติการที่มีความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยในการเตรียมตัวรับมือและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการละเมิดด้านสิทธิมนุษยชน

3.1 กำหนดขอบเขตในการตรวจสอบ

บริษัทได้พิจารณากิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนให้ครอบคลุมพื้นที่ปฏิบัติงานที่สำคัญของบริษัท ได้แก่ สำนักงานกรุงเทพ โรงไฟฟ้าสระบุรี ที่ดำเนินธุรกิจหรือมีกิจกรรมร่วมกับพนักงาน คู่ค้า ลูกค้า และชุมชนท้องถิ่นบริเวณใกล้เคียง สรุปได้ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่า ดังนี้

 

                               

3.2 ประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน

บริษัทมีกระบวนการบริหารความเสี่ยงโดยอยู่ภายใต้นโยบายของบริษัท โดยได้นำหลักเกณฑ์ของ The Committee of Sponsoring Organizations of the Treadway Commission - Enterprise Risk Management (COSO-ERM) มาเป็นแนวทางในการบริหารความเสี่ยงของบริษัท ซึ่งประกอบด้วย  8 องค์ประกอบ ได้แก่

  1. Internal Environment (สภาพแวดล้อมภายใน)
  2. Objective Setting (การกำหนดวัตถุประสงค์)
  3. Event Identification (การบ่งชี้เหตุการณ์)
  4. Risk Assessment (การประเมินความเสี่ยง)
  5. Risk Response (การตอบสนองต่อความเสี่ยง)
  6. Control Activities (กิจกรรมควบคุม)
  7. Information & Communication (สารสนเทศและการสื่อสาร)
  8. Monitoring (การติดตามประเมินผล)

สำหรับเกณฑ์การประเมินบริษัทได้พิจารณาระดับความรุนแรงของผลกระทบและโอกาสที่อาจเกิดขึ้นจากกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่าในประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนตามข้อ 3.1 ข้างต้น

 

3.3 ลำดับความเสี่ยงของประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน

จากผลการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน พบว่าประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่มีความเสี่ยงสูงมี 1 ประเด็น คือความเสี่ยงด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของพนักงาน สำหรับประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนอื่น ๆ ในห่วงโซ่คุณค่าจะมีความเสี่ยงปานกลางถึงต่ำ ดังนี้

 

ผลการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน

 

ระดับความเสี่ยงของประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน

ความเสี่ยงสูง

ความเสี่ยงปานกลาง

ความเสี่ยงต่ำ

1. อาชีวอนามัยและความปลอดภัย

 

1. ประสิทธิภาพ ความพร้อมและเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า

2. การไม่เลือกปฏิบัติ

3. ความหลากหลายและโอกาสแห่งความเท่าเทียม

4. เสรีภาพและการเจรจาต่อรองร่วม

5. แรงงานเด็ก

6. แรงงานเกณฑ์ และแรงงานบังคับ

7. ชุมชนท้องถิ่น

8. การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

1. ข้อปฏิบัติด้านความปลอดภัย (รปภ.)  

 

 

 

สำหรับประเด็นอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่มีความเสี่ยงสูงนั้น บริษัทได้มีกำหนดแนวทางการควบคุมการดำเนินงานที่เป็นไปตามมาตรสากลอย่างเคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะเกิดความปลอดภัยแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน โดยรายละเอียดสามารถดูเพิ่มเติมได้ใน หัวข้อ        อาชีวอนามัย และความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมการทำงาน ต่อไป

 

หมายเหตุ  :  คะแนนระดับความเสี่ยงแบ่งเป็น 4 ระดับ ดังนี้ :

ระดับความเสี่ยงโดยรวม

ระดับคะแนน

ความหมาย

น้อย

 

1-2

 

ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีการควบคุมความเสี่ยง หรือไม่ต้องมีการจัดการเพิ่มเติม

ปานกลาง

 

3-6

 

ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยต้องมีการควบคุมเพื่อป้องกันไม่ให้ความเสี่ยงเปลี่ยนไปยังระดับที่ยอมรับไม่ได้

สูง

 

7-12

 

ระดับความเสี่ยงที่ไม่สามารถยอมรับได้ โดยต้องมีการจัดการความเสี่ยงเพื่อให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ต่อไป

สูงมาก

 

13-25

 

ระดับความเสี่ยงที่ไม่สามารถยอมรับได้ จำเป็นต้องเร่งจัดการ

ความเสี่ยงเพื่อให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ทันที

 

 

บริษัทสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงตามแนวทางการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษชน ด้วยมาตรการเพื่อป้องกัน (Preventive) และลดความเสี่ยงในการเกิดเหตุละเมิดสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ ที่กำหนดไว้อย่างความเข้มงวด และมีการติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิด ซึ่งได้ระบุไว้ในแนวปฏิบัติในการบริหารจัดการข้อร้องเรียนและการเยียวยาด้านสิทธิมนุษยชน รวมทั้งมีการติดตามผลและรายงานผลการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่จะต้องไม่มีกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนตลอดห่วงโซ่คุณค่า

นอกจากนี้ บริษัทยังตระหนักถึงการดำเนินการแก้ไขกรณีที่มีการเกิดเหตุละเมิดใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจะต้องได้รับการเยียวยาที่เหมาะสมกับความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงการป้องกันอย่างทันท่วงที หรือการรับประกันว่าจะไม่เกิดเหตุละเมิดซ้ำ

 

 

ตาราง ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและการลดผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของห่วงโซ่คุณค่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

ประเด็นผลกระทบ

แนวทางการจัดการผลกระทบ

พนักงาน

  • สภาพการจ้างงานที่มีการเลือกปฏิบัติและการสร้างโอกาสที่ไม่เท่าเทียมกันต่อพนักงาน อันมีเหตุจากความแตกต่างทางเชื้อชาติ ศาสนา เพศ อายุ รสนิยมทางเพศ ความพิการ และสัญชาติ
  • อาชีวอนามัยและความปลอดภัยของพนักงาน
  • การจ้างแรงงานเด็ก แรงงานเกณฑ์ และแรงงานบังคับ
  • ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน อาจรั่วไหลออกสู่ภายนอก
  • มีการกำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องตามจรรยาบรรณธุรกิจ ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี
  • เช่นนโยบายทางด้านสิทธิมนุษยชน ป้องกันไม่ให้พนักงานถูกล่วงละเมิด ป้องกันไม่ให้มีแรงงานเด็ก และการบังคับใช้แรงงาน การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท
  • การว่าจ้างพนักงานด้วยผลตอบแทนที่ดีสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาด  และมีการประเมินผลการทำงานของพนักงานตามตำแหน่งอย่างชัดเจนและเป็นธรรม
  • ส่งเสริมเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน ผ่าน system standards อาทิ ISO 45001 : 2018
  • กำหนดมาตรการการรับมือความเสี่ยงด้านสาธารณสุข เช่น โรคระบาด โรคติดต่อ โดย Work From Home และ Online meeting
  • จัดให้มีคณะกรรมการสวัสดิการเพื่อสนับสนุนสิทธิในการเจรจาต่อรองร่วม
  • การสำรวจความพึงพอใจและความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร และการสำรวจการมีส่วนร่วมของพนักงานรายปี โดยมีการนำผลการประเมินไปปรับปรุงการดูแลพนักงาน

คู่ค้า

  • การเลือกปฏิบัติต่อคู่ค้า
  • อาชีวอนามัยและความปลอดภัยของคู่ค้า
  • ข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า
  • การจ้างแรงงานผิดกฎหมาย

 

 

  • การลงนามการรับทราบและจรรยาบรรณคู่ค้าด้านการจัดซื้อ จัดหา ว่าจ้าง ในการดำเนินธุรกิจของผู้ผลิต จัดหาสินค้า วัตถุดิบ และการบริการ
  • ชี้แจงให้ผู้ค้าในระดับปฏิบัติการรับทราบ และปฏิบัติตามแนวทางการกำกับดูแลการดำเนินงานให้มีความสอดคล้องตามข้อกำหนด และมาตรฐานของบริษัท และกฎหมายแรงงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ว่าด้วยเรื่องสิทธิแรงงาน
  • ปฏิบัติตามระบบบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน
  • มีการกำหนดประเด็นสังคมและสิ่งแวดล้อมไว้ในนโยบายหรือข้อปฏิบัติหรือระเบียบเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง
  • ประเมินความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่เกิดจากคู่ค้า
  • ประเมินและติดตามผลการดำเนินงานของคู่ค้า ผ่านการประเมิน ESG RISK ของคู่ค้า
  • ประเมิน On-Site ESG Audit กับคู่ค้า

ลูกค้า

  • ความเชื่อถือในประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้า
  • ความพึงพอใจในบริการด้านต่าง ๆ
  • การเลือกปฏิบัติกับลูกค้า
  • ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
  • ประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศรายไตรมาสจัดทำรายงานการดำเนินการผลิตของโครงการเพื่อเสนอต่อ EGAT เดือนละ 1 ครั้ง
  • สำรวจความพึงพอใจของลูกค้าปีละ 2 ครั้ง
  • ดำเนินการจัดการตามข้อร้องเรียนของลูกค้าอย่างเหมาะสม

 

ชุมชน

  • มาตรฐานการครองชีพและคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน
  • การเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาดของชุมชน
  • ผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ การปล่อยมลพิษทางอากาศ การจัดการของเสียที่ไม่เหมาะสม การเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
  • ให้ความความสำคัญในการดูแลและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับชุมชน โดยดำเนินการจัดทำรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการโรงไฟฟ้า รายงานผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ทรัพยากรชีวภาพทางน้ำ)  รายงานผลการสำรวจติดตามตรวจสอบด้านเศรษฐกิจและสังคม รายงานสรุปผลการสำรวจความพึงพอใจของชุมชน และรายงาน CSR-DIW เป็นประจำทุกปี พร้อมนำผลสำรวจและข้อมูลที่ได้รับเกี่ยวกับผลกระทบต่อชุมชนและสังคม (หากพบประเด็นปัญหา) มาวิเคราะห์และดำเนินการแก้ไขปรับปรุงเพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม
  • ดำเนินการมีส่วนร่วมสานสัมพันธ์กับชุมชนผ่านโครงการเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยทีมงานฝ่ายสื่อสารองค์กร
  • นโยบายและแผนการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ไม่ขัดขวางการเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาด เช่น ไม่ปิดกั้นแหล่งน้ำหรือดึงน้ำชุมชนมาใช้จนก่อให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำ
  • จัดทำระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม (Environmental  Management System) พร้อมมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาในระยะสั้นและระยะยาว
  • ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ระบุไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
  • พัฒนานวัตกรรมเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
  1. การเยียวยาผลกระทบ

การให้การเยียวยาในกรณีที่มีการละเมิดด้านสิทธิมนุษยชน บริษัทจะมีกระบวนการรับข้อร้องเรียน โดยคาดหวังให้พนักงานของบริษัททุกคนร่วมกันสอดส่องดูแล การปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และจรรยาบรรณธุรกิจ โดยสนับสนุนให้มีการรายงานโดยสุจริตถึงการปฏิบัติที่มีการขัดหรือสงสัยว่าจะขัดและละเมิดสิทธิเกิดขึ้นต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยข้อมูลที่ได้รับจะถือเป็นความลับ ซึ่งทุกข้อร้องเรียนที่มีหลักฐานชัดเจนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเสอภาค โปร่งใส และเอาใจใส่ รวมทั้งให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย  โดยมีการกำหนดระยะเวลาการตรวจสอบและสอบสวนข้อร้องเรียนอย่างเหมาะสม  และมีแนวทางคุ้มครองสิทธิของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ที่ได้รับความเสียหายจากการละเมิดสิทธิ อันเกิดจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยจะพิจารณาเยียวยาชดเชยค่าเสียหายให้ไม่ต่ำกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งบริษัทยังให้ความสำคัญกับการจัดการข้อร้องเรียนและการแก้ไขปัญหาสำหรับบุคคลและชุมชนที่อาจได้รับผลกระทบจากกิจกรรมทางธุรกิจ โดยได้จัดให้มีกลไกการจัดการข้อร้องเรียนที่ครอบคลุมสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจน พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภายในและภายนอกสามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกและโปร่งใส

นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งคณะกรรมการสวัสดิการ ที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลและเสนอแนะแนวทางการปรับปรุงสวัสดิภาพและความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสมและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยมีการดำเนินงานที่ผ่านมา ได้แก่

  • การปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณลานจอดรถเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
  • การทาสีผิวหยาบและตีเส้นแบ่งเลนต่างระดับ เพื่อความชัดเจนในการสัญจร
  • การจัดทำเนินสะดุดเพื่อลดความเร็วของรถบรรทุกในบริเวณโรงงาน
  • การแจกจ่ายและกำหนดการใช้หมวกนิรภัย (Safety Helmet) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในพื้นที่ทำงาน
  • การจัดพื้นที่จอดรถจักรยานยนต์ที่เป็นระเบียบและปลอดภัย
  • การปรับเปลี่ยนรถบัสรับส่งพนักงานให้เป็นรถปรับอากาศ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย

การรับเรื่องร้องเรียน

บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 26/56 อาคารทีพีไอ ทาวเวอร์ ถ.จันทน์ตัดใหม่ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120   

โทรศัพท์ 02 2131039

EMAIL:  This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 ไม่มีรายงานหรือข้อร้องเรียนในการละเมิดด้านสิทธิมนุษยชน ดังนั้น จึงไม่มีการดำเนินการแก้ไขเยียวยาแต่อย่างใด

 

  1. การติดตามผลและการรายงาน

บริษัทดำเนินการติดตามผลการปฏิบัติตามมาตราการบรรเทาผลกระทบ ด้านสิทธิมนุษยชนที่กำหนดไว้โดยมุ่งเน้นการบรรเทาและลดผลกระทบเชิงลบ ทั้งนี้ หน่วยงานที่ได้นำมาตรการบรรเทาผลกระทบไปดำเนินการจะต้องมีการติดตามตรวจสอบและทบทวนแผนการดำเนินการเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ และมีการประเมินเพิ่มอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าผลกระทบได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องและเหมาะสมแล้ว

การดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนในปี 2567

บริษัทได้กำหนดเป้าหมายและทิศทางที่ชัดเจนในการส่งเสริมและปกป้องการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยสามารถประเมินความเสี่ยงและลดโอกาสการเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้ในอนาคต มีการเสริมสร้างความตระหนักในด้านการเคารพสิทธิมนุษยชน เพื่อสร้างคุณค่า พัฒนา และต่อยอดโครงการต่าง ๆ โดยเพิ่มการมีส่วนร่วมที่ยึดหลักการเคารพสิทธิมนุษยชนให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มตลอดห่วงโซ่คุณค่า  และมีการจัดตั้งคณะกรรมการสวัสดิการเพื่อดูแลและเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพนักงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยคณะกรรมการดังกล่าวจัดประชุมเป็นประจำ 4 ครั้งต่อปี เพื่อเปิดโอกาสในการรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อกังวลต่าง ๆ อันนำไปสู่การพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานและการดูแลพนักงานอย่างต่อเนื่อง

อีกทั้งยังมีการเสริมสร้างความเข้าใจในเรื่องสิทธิมนุษยชนแก่พนักงาน โดยบริษัทได้จัดอบรมและให้ความรู้ให้พนักงานทุกคนผ่านคู่มือจรรยาบรรณธุรกิจ พร้อมทั้งมีการทำแบบทดสอบเพื่อประเมินความเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนและขยายการฝึกอบรมในด้านต่าง ๆ เพื่อยกระดับศักยภาพและพัฒนาความรู้ของพนักงานให้ดียิ่งขึ้น โดยจากผลการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน ในปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในกระบวนการทำงานของบริษัทอยู่ในระดับต่ำ และไม่มีข้อร้องเรียนในประเด็นสิทธิมนุษยชน ที่เป็นสาระสำคัญ โดยในปี 2567 บริษัทได้ดำเนินงานในด้านสิทธิมนุษยชนต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ ดังนี้

การมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายในองค์กร

การเคารพสิทธิพนักงาน

-  ไม่มีการใช้แรงงานเกณฑ์ ไม่มีการใช้แรงงานบังคับ และป้องกันไม่ให้มีการใช้แรงงานเด็กที่อายุไม่ถึงเกณฑ์ตามกฎหมายกำหนด

-  มีการเลือกตั้งคณะกรรมการสวัสดิการชุดใหม่ประจำปี 2567 เพื่อเป็นตัวแทนพนักงานที่มี บทบาทหน้าที่ในการร่วมเจรจากับบริษัทเกี่ยวกับข้อตกลงที่ส่งผลกระทบต่อพนักงาน

-  การให้โอกาสในการจ้างงานอย่างเท่าเทียม โดยไม่เลือกปฏิบัติซึ่งครอบคลุมทั้งผู้พิการและกลุ่มผู้ด้อยโอกาสอื่น บริษัทได้จ้างงานใหม่รวม 96 คน ประกอบด้วยพนักงานทั่วไป 89 คน ผู้สูงอายุ 5 คน และคนพิการ 2 คน รวมทั้งให้การสนับสนุนเงินสมทบเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ตามมาตรา 23 ของพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพคนพิการ พ.ศ. 2550) เพื่อการจ้างงานคนพิการจำนวน 10 คน คิดเป็นอัตราการจ้างงานคนพิการร้อยละ 1.04 ของพนักงานรวม

-  บริหารและพัฒนาศักยภาพและทักษะให้แก่บุคลากรอย่างต่อเนื่อง  มีการตั้งเป้าหมาย  ฝึกอบรมให้พนักงานโดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 20 ชั่วโมงต่อคนต่อปี โดยบริษัทมีระยะเวลาอบรมทั้งหมดเท่ากับ 26,995 ชั่วโมง  จำนวนวันอบรมเฉลี่ยของพนักงานต่อคนเท่ากับ 3.91วัน และชั่วโมงอบรมเฉลี่ยของพนักงานต่อคนต่อปีเท่ากับ 23.45 ชั่วโมงต่อคนต่อปี

-   การวัดระดับความพึงพอใจในการทำงานและความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรประจำปี 2567 พบว่า ได้ผลคะแนนรวมเฉลี่ยร้อยละ 82.96 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ที่ร้อยละ 75 โดยบริษัทได้นำผลสำรวจความคิดเห็นของพนักงานดังกล่าว ไปพัฒนากิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพนักงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มระดับความพึงพอใจของพนักงานในระดับสูงสุด

  • การดูแลพนักงานในด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานของพนักงาน พบว่า 
    จำนวนผู้บาดเจ็บถึงขั้นเสียชีวิตจากการทำงานเป็นศูนย์  อัตราของการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับงานที่มีผลกระทบสูง เป็นศูนย์ และ อัตราการเจ็บป่วยจากโรคจากการทำงานเป็นศูนย์                        ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายด้านอาชีวอนามัย  และความปลอดภัยที่บริษัทกำหนดไว้
  • บริษัทได้จัดให้มีช่องทางสำหรับการรับข้อร้องเรียน ข้อเสนอแนะ และการแจ้งเบาะแสจากพนักงาน เพื่อส่งเสริมให้พนักงานสามารถแสดงความคิดเห็นหรือเสนอข้อกังวลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสภาพการทำงาน โดยช่องทางดังกล่าวได้ถูกกำหนดและประกาศเป็นนโยบายของบริษัทอย่างชัดเจน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าพนักงานทุกคนมีส่วนร่วมและสามารถสื่อสารกับฝ่ายบริหารได้อย่างเปิดกว้างและปลอดภัย
  • บริษัทมีการปรับฐานอัตราค่าจ้างแรงงานให้สอดคล้องกับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดในทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้การจ้างงานเป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง
  • บริษัทมีการให้ค่าตอบแทนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาด พร้อมทั้งจัดสวัสดิการเพิ่มเติม เช่น ค่าที่พักและค่าเดินทางสำหรับพนักงานที่ปฏิบัติงานในต่างจังหวัด เพื่อสร้างแรงจูงใจและส่งเสริมความผูกพันระยะยาวกับองค์กร

การมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอกองค์กร

การเคารพสิทธิคู่ค้า

  • คู่ค้าได้ลงนามรับทราบจรรยาบรรณคู่ค้าด้านการจัดซื้อ จัดหา ว่าจ้าง (Supplier Code of Conduct) ว่าด้วยแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชน ที่บริษัทผลักดันให้คู่ค้าต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด ร้อยละ 97.85 ของคู่ค้าจำนวนทั้งสิ้น 557 ราย
  • มีการประเมินความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่เกิดจากคู่ค้าของบริษัท และประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG Risk) กับคู่ค้าทางตรง (Critical Tier 1) จำนวน 8  ราย คิดเป็นร้อยละ 1.44 ของคู่ค้าทั้งหมด 557 ราย สรุปผลว่าอยู่ในเกณฑ์น่าเชื่อถือได้ ไม่มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่เกิดจากคู่ค้า และด้าน ESG ในทุกหัวข้อการประเมิน
  • ยกระดับกระบวนการจัดการความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน มุ่งเน้นการลดความเสี่ยงในการละเมิดสิทธิมนุษยชนและยกระดับคุณภาพชีวิตในสภาพแวดล้อมการทำงาน ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านแรงงาน สุขภาพ ความปลอดภัย และความเป็นอยู่ที่ดี โดยบริษัทมีการให้ความรู้เพื่อสร้างความเข้าใจและการตระหนักรู้ด้านการเคารพสิทธิมนุษยชน และมีการสุ่มตรวจสอบแบบลงพื้นที่จริง ซึ่งพบว่าคู่ค้าไม่มีกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชน

การเคารพสิทธิลูกค้า

  • ผลิตและส่งมอบไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพ และปลอดภัยในการจ่ายกระแสไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง 
  • ผลการประเมินความพึงพอใจโดยรวมของลูกค้าโรงไฟฟ้า (2 ราย ได้แก่ กฟผ. และ บมจ.ทีพีไอโพลีน) ได้คะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 100% โดยบริษัทได้กำหนดเป้าหมายความพึงพอใจของลูกค้าโรงไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 80% ต่อปี
  • ผลการประเมินความพึงพอใจโดยรวมของลูกค้าของโรงงานผลิตเชื้อเพลิงขยะ และ บมจ.ทีพีไอ โพลีน ได้คะแนนเฉลี่ยเท่ากับ  94.75%  โดยบริษัทได้กำหนดเป้าหมายความพึงพอใจของลูกค้าโรงงานผลิตเชื้อเพลิงขยะไม่ต่ำกว่า 80% ต่อปี
  • นำผลการประเมินความพึงพอใจของลูกค้ามาพัฒนาและปรับปรุงการดำเนินธุรกิจ ผ่านการวิจัยและพัฒนา เทคโนโลยี นวัตกรรม และการบริการ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าให้มีความเสถียรและเชื่อถือได้ พร้อมทั้งยกระดับมาตรฐานการผลิตเชื้อเพลิงขยะให้มีคุณภาพดีขึ้น
  • มีการส่งมอบไฟฟ้าให้กับลูกค้าทุกรายได้อย่างมีเสถียรภาพ โดยดำเนินงานภายใต้ความปลอดภัยซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของลูกค้าของบริษัทและบริษัทในเครือ

การเคารพสิทธิชุมชนท้องถิ่น

-  การผลิตไฟฟ้าที่มีคุณภาพ และประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และไม่สร้างผลกระทบต่อชุมชนและสังคม มีการตอบสนองนโยบายการลดการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินอันก่อให้เกิดมลพิษสูง โดยการใช้พลังงานทดแทนเป็นเชื้อเพลิง

-  มีการสำรวจตรวจสอบสภาพชุมชนและข้อกังวลของชุมชนและสังคมที่อาจได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของบริษัท โดยดำเนินการจัดทำรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2567 รายงานผลการสำรวจติดตามตรวจสอบด้านเศรษฐกิจและสังคมต่อโครงการโรงไฟฟ้าของบริษัทประจำปี 2567 รายงานสรุปผลการสำรวจความพึงพอใจของชุมชนต่อโครงการโรงไฟฟ้าของบริษัทประจำปี 2567 และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประกอบการ CSR-DIW Continuous ประจำปี 2567 พร้อมนำผลสำรวจและข้อมูลที่ได้รับเกี่ยวกับผลกระทบต่อชุมชนและสังคม (หากพบประเด็นปัญหา) มาวิเคราะห์และดำเนินการแก้ไขปรับปรุงเพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม

- บริษัทภายใต้กลุ่ม ทีพีไอ โพลีน ได้สนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ตลอดปี 2567 โดยร่วมกับหน่วยงานและชุมชนในจังหวัดสระบุรีในการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น กิจกรรมวันอนุรักษ์ลำน้ำมวกเหล็ก ณ อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย ร่วมกับ อ.มวกเหล็ก การปลูกต้นไม้ฟื้นฟูป่าและเพิ่มพื้นที่สีเขียวร่วมกับสถานีวิจัยทับกวาง คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และการปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ ในหลายพื้นที่ รวมถึงบริเวณป่าชุมชน ป่าสงวนแห่งชาติ และสถานศึกษา โดยปลูกต้นไม้จำนวนรวมมากกว่า 10,667 ต้น ครอบคลุมพื้นที่ปลูกป่ารวม 150 ไร่ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวเป็นการลดก๊าซเรือนกระจก ลดมลพิษทางอากาศ ป้องกันการพังทลายของดิน และช่วยฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ

-  สร้างการมีส่วนร่วมและดำเนินโครงการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในชุมชนโดยรอบโรงไฟฟ้าและสังคมโดยรวม โดยยึดหลักการเคารพในสิทธิขั้นพื้นฐานและความมั่นคงทางอาชีพ

- ได้สนับสนุนโครงการและกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ รวมทิ้งสิ้นจำนวน 38.22 ล้านบาท ให้แก่องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่จดทะเบียน ชุมชน สถานศึกษา วัด โรงพยาบาล และหน่วยงานราชการต่างๆ โดยได้บริจาคผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และผลิตภัณฑ์ของกลุ่มทีพีไอ        โพลีน ได้แก่ ปูนซิเมนต์ วัสดุก่อสร้าง ปุ๋ยชีวะอินทรีย์ น้ำดื่ม และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเพื่อป้องกันเชื้อก่อโรค

- ได้สนับสนุนงบประมาณภาคสมัครใจเพื่อช่วยเหลือชุมชนและสังคมรอบโรงไฟฟ้า ได้แก่

  1. กองทุนประกันสุขภาพแก่ชุมชนในรัศมี 5 กิโลเมตรรอบโรงไฟฟ้า เพื่อเยียวยาการเจ็บป่วยที่เกิดจากโครงการ ดำเนินการตั้งแต่ปี 2562 ณ สิ้นปี 2567 เงินกองทุนฯ มียอดสะสมรวม 3,533,779.06 บาท
  2. กองทุนเพื่อโครงการวิจัยพัฒนาอาชีพชุมชนและอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการตั้งแต่ปี 2562 ณ สิ้นปี 2567 เงินกองทุนฯ มียอดสะสมรวม 2,466,800 บาท
  3. งบสนับสนุนคุณภาพด้านบุคลากรอุปกรณ์ทางการแพทย์และงานวิจัยทางด้านสาธารณสุข ดำเนินการตั้งแต่ปี 2562 ณ สิ้นปี 2567 งบสนับสนุนมียอดเงินสะสมรวม 8,093,723.80 บาท
  4. งบสนับสนุนด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย  เพื่อใช้สนับสนุนการเพิ่มศักยภาพของโรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพตำบลและบุคลากรสาธารณสุข ดำเนินการตั้งแต่ปี 2562 ณ สิ้นปี 2567 งบสนับสนุนมียอดเงินสะสมรวม 356,273 บาท 
  5. งบสนับสนุนด้านทรัพยากรชีวภาพ สำหรับปลูกป่าให้กับชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่านมูลนิธิสิ่งแวดล้อมเพื่อชีวิต ดำเนินการตั้งแต่ปี 2562 ณ สิ้นปี 2567 งบสนับสนุนมียอดเงินสะสมรวม 1,086,000 บาท 

- กลุ่มทีพีไอ โพลีน มอบทุนการศึกษา ให้แก่นักเรียนในโรงเรียนที่อยู่รอบโรงงาน จังหวัดสระบุรี ประจำปี 2567 งบประมาณรวม 295,000 บาท สรุปดังนี้

ต.ทับกวาง

  1. โรงเรียนบ้านซับบอน 60,000 บาท
  2. โรงเรียนอนุบาลทับกวาง 60,000 บาท
  3. โรงเรียนชุมชนนิคมทับกวางสงเคราะห์ 1   60,000 บาท ต.มวกเหล็ก
  4. โรงเรียนบ้านเขาไม้เกวียน  40,000 บาท ต.มิตรภาพ
  5. โรงเรียนวัดมวกเหล็กใน  35,000 บาท
  6. โรงเรียนบ้านซับพริก  40,000 บาท และมอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรหลานที่อยู่ในชุมชนเกษตรสัมพันธ์ หมู่ 10 ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี งบประมาณรวม 45,500 บาท จำนวน 16 ทุน