การดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน
การวางรากฐานในการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน
บริษัทให้ความสำคัญในการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน โดยดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียอย่างสมดุล ด้วยหลักบรรษัทภิบาล ภายใต้การดูแลกิจการที่ดี และการเคารพในสิทธิมนุษยชน ควบคู่ไปกับแนวทางบริหารจัดการธุรกิจที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน ยึดความถูกต้องและปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริม BCG Model ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนและสังคมในประเทศอย่างทั่วถึง สามารถกระจายโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บริษัทได้ปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ได้แก่ พนักงาน คู่ค้า ลูกค้า และชุมชนท้องถิ่น บนพื้นฐานหลักสิทธิมนุษยชน โดยกำหนดเป็นนโยบายของบริษัททั้งจรรยาบรรณธุรกิจ (Code of Conduct) จรรยาบรรณคู่ค้าด้านการจัดซื้อ จัดหา ว่าจ้าง (Supplier Code of Conduct) ที่ทำร่วมกันกับคู่ค้า และการปฏิบัติตามบทบัญญัติที่กำหนดไว้ในหลักการสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศและมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ รวมถึงปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติและปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิขั้นพื้นฐานและสิทธิในการทำงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานไทย พ.ศ. 2560 และองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labor Organization : ILO)
แนวทางการบริหารจัดการ
บริษัทให้ความสำคัญต่อการเคารพสิทธิพนักงาน
บริษัทมีการบริหารจัดการด้านแรงงานที่รับผิดชอบโดยฝ่ายบุคคล โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเคารพสิทธิมนุษยชนในเรื่องความหลากหลายต่าง ๆ เช่น เชื้อชาติ ศาสนา รสนิยมทางเพศ เพศ อายุ ความพิการ และสัญชาติ เป็นต้น การส่งเสริมให้โอกาสในการทำงานและความก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างเท่าเทียมกันและเป็นธรรม โดยไม่เลือกปฏิบัติ สนับสนุนสิทธิในการรวมตัวเกี่ยวกับเสรีภาพในการสมาคม และการร่วมเจรจาต่อรองร่วมตามสิทธิขั้นพื้นฐาน เปิดโอกาสที่เท่าเทียมในการเปิดเผยข้อมูลทั่วไป โดยมีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน ป้องกันไม่ให้มีการใช้แรงงานเด็ก ไม่มีการใช้แรงงานเกณฑ์ (แรงงานที่ถูกเกณฑ์มาให้ทำงาน โดยผิดกฎหมาย) ไม่มีการใช้แรงงานบังคับ (การบังคับให้แรงงานทำงานเกินเวลากว่าที่กฎหมายกำหนด โดยไม่ได้รับค่าตอบแทน)
บริษัทได้ปฏิบัติต่อพนักงานอย่างเป็นธรรมตามหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อกำกับดูแลตามสิทธิขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิตและสิทธิในการแสดงความคิดเห็น มีฝ่ายบุคคลเป็นผู้ประสานงานดำเนินการด้านสวัสดิภาพของพนักงาน มีการตั้งคณะกรรมการสวัสดิการ และมีตัวแทนพนักงานทำหน้าที่ในการเจรจาต่อรองร่วมกับบริษัทเกี่ยวกับข้อตกลงที่ส่งผลกระทบต่อพนักงาน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ปลอดภัยและมีความสุขในการทำงานให้แก่พนักงานโดยคำนึงถึงความปลอดภัยและมีสิ่งอำนวยความสะดวกตามความจำเป็นและเพียงพอ เพื่อให้พนักงานมีความสุขตามหลักของดำเนินโครงการ Happy Workplace
บริษัทมีการประเมินผลการทำงานของพนักงานทุกคนด้วยหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนและนำผลการประเมินการทำงานของพนักงานมาใช้ในการพิจารณากำหนดค่าตอบแทนอย่างเป็นธรรม มีการจัดอบรมหลักสูตรต่าง ๆ แก่พนักงานตามความเหมาะสมให้สอดคล้องกับตำแหน่งงานและลักษณะงานที่รับผิดชอบ เพื่อช่วยส่งเสริมความก้าวหน้าและพัฒนาศักยภาพแก่พนักงาน บริษัทยังมีการวัดระดับความพึงพอใจและความผูกพันของพนักงานที่มีต่อบริษัทเป็นประจำทุกปี และนำผลการประเมินความพึงพอใจไปพิจารณาจัดทำโครงการ นโยบาย ระเบียบปฏิบัติเพื่อปรับปรุงการดูแลและส่งเสริมศักยภาพของพนักงาน นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดให้มีระบบอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมการทำงานแก่พนักงานเป็นอย่างดี
บริษัทให้ความสำคัญต่อการเคารพสิทธิคู่ค้า
บริษัทได้ปฏิบัติต่อคู่ค้าอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม จัดให้มีกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างอย่างโปร่งใสและการแข่งขันที่เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ มีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า ส่งเสริมให้คู่ค้าจะต้องปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนโดยการไม่ใช้แรงงานเด็ก แรงงานเกณฑ์และแรงงานบังคับ ทั้งนี้ บริษัทได้นำประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน และอาชีวอนามัยและความปลอดภัยผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งในจรรยาบรรณคู่ค้าด้านการจัดซื้อ จัดหา ว่าจ้าง (Supplier Code of Conduct) ของบริษัทที่ทำร่วมกับคู่ค้า โดยบริษัทได้ประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG Risk) ของคู่ค้าเป็นประจำทุกปี เพื่อให้มั่นใจว่าคู่ค้าของบริษัทจะดำเนินธุรกิจอย่างเคารพสิทธิมนุษยชน บริษัทยังได้จัดให้มีระบบอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานแก่คู่ค้า ผู้รับเหมาอย่างเหมาะสมอีกด้วย
บริษัทให้ความสำคัญต่อการเคารพสิทธิลูกค้า
โดยปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างเป็นธรรม ทั้งการผลิตและส่งมอบไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพ และปลอดภัยในการจ่ายกระแสไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง มีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า รวมถึงมีการสำรวจและประเมินความพึงพอใจของลูกค้าทั้งลูกค้าโรงไฟฟ้า และลูกค้าโรงงานเชื้อเพลิงขยะเป็นรายไตรมาส
บริษัทให้ความสำคัญต่อการเคารพสิทธิชุมชนท้องถิ่น
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของชุมชนท้องถิ่น โดยให้การดูแล สนับสนุน และสานสัมพันธ์อันดีกับชุนชุน มีการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของของชุมชนอย่างต่อเนื่อง และยังได้จัดทำรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประกอบการ CSR-DIW Continuous รายงานผลการสำรวจติดตามตรวจสอบด้านเศรษฐกิจและสังคมของชุมชนของโครงการโรงไฟฟ้า และรายงานสรุปผลการสำรวจความพึงพอใจของชุมชนของโครงการโรงไฟฟ้า เป็นประจำทุกปี เพื่อสำรวจข้อกังวลของชุมชนและสังคมที่อาจได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของบริษัท และนำข้อกังวลที่สำรวจพบมาแก้ไขปรับปรุงเพื่อลดผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อชุมชนและสังคมโดยรวม รวมถึงส่งเสริมการจ้างพนักงานจากชุมชนโดยรอบ และจ้างแรงงานชุมชนเพื่อการปลูกป่าประจำปี เพื่อสนับสนุนให้คนในชุมชนมีรายได้เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
เป้าหมายการดำเนินงาน
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญด้านสิทธิมนุษยชนในการดำเนินธุรกิจซึ่งปรากฏอย่างชัดเจนจากความมุ่งมั่นผ่านนโยบายสิทธิมนุษยชนของบริษัท อีกทั้งได้เริ่มจัดให้มีกระบวนการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน โดยการประเมินความเสี่ยงจากโอกาสที่อาจเกิดขึ้นและผลกระทบของประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อช่วยให้บริษัททราบถึงผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้มีส่วนได้เสียผู้จากภายในและภายนอกองค์กร และยังช่วยให้บริษัทสามารถระบุและจัดลำดับความสำคัญของความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในระดับองค์กร ซึ่งส่งผลให้บริษัทสามารถวางแผนจัดการผลกระทบจากประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่มีความเสี่ยงสูงได้ด้วยการประเมินผลกระทบเพิ่มเติมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence : HRDD)
ด้วยเหตุที่บริษัทได้ตระหนักถึงความสำคัญในการบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชนที่ผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่าของบริษัทอาจได้รับผลกระทบจากการละเมิดด้านสิทธิมนุษยชน บริษัทจึงมีกระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence : HRDD) โดยคณะทำงานพัฒนาความยั่งยืนของบริษัท ซึ่งมีขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนกระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน
- ประกาศนโยบายเป็นข้อผูกพันเชิงนโยบาย (Policy Commitment)
บริษัทมีการกำหนดนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนของบริษัทให้ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่าของบริษัททั้งพนักงาน คู่ค้า ลูกค้า และชุมชนท้องถิ่น ได้แก่ จรรยาบรรณ ทีพีไอโพลีน เพาเวอร์ (Code of Conduct) จรรยาบรรณคู่ค้าด้านการจัดซื้อ จัดหา ว่าจ้าง (Supplier Code of Conduct) ประกาศเรื่องนโยบายสิทธิมนุษยชนสากลของบริษัท เลขที่ 006/2559 และประกาศ เรื่องนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Policy) เลขที่ บค 0017/2564
จรรยาบรรณ ทีพีไอโพลีน เพาเวอร์ (Code of Conduct)
http://www.tpipolenepower.co.th/index.php/th/th-aboutus/code-of-conduct-th
|
จรรยาบรรณคู่ค้าด้านการจัดซื้อ จัดหา ว่าจ้าง (Supplier Code of Conduct)
http://www.tpipolenepower.co.th/index.php/th/th-aboutus/supplier-code-of-conduct-th
|
ประกาศเรื่องนโยบายสิทธิมนุษยชนสากลของบริษัท เลขที่ 006/2559 และประกาศ
เรื่องนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Policy)
http://www.tpipolenepower.co.th/index.php/th/th-aboutus/pdpa
|
- การปลูกฝังผ่านนโยบายองค์กร
บริษัทมุ่งมั่นต่อการดำเนินตามนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน โดยส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมการเคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชนทั่วทั้งองค์กร มีการอบรมและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการเคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชนให้แก่พนักงานทุกระดับภายในองค์กร และมีการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง
- การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน
บริษัทได้มีการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน และจะทำการศึกษาทบทวนประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่าเป็นประจำทุกปี เพื่อให้มั่นใจว่าแผนงาน และมาตรการการบรรเทา แก้ไข และเยียวยาผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนของบริษัทนั้้น มีความเหมาะสม มีประสิทธิภาพ และมีความเป็นปัจจุบัน โดยผลจากการประเมินความเสี่ยงที่ได้นั้นจะช่วยให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจ ตามหลักสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ปฏิบัติการที่มีความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยในการเตรียมตัวรับมือและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการละเมิดด้านสิทธิมนุษยชน
3.1 กำหนดขอบเขตในการตรวจสอบ
บริษัทได้พิจารณากิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนให้ครอบคลุมพื้นที่ปฏิบัติงานที่สำคัญของบริษัท ได้แก่ สำนักงานกรุงเทพ โรงไฟฟ้าสระบุรี ที่ดำเนินธุรกิจหรือมีกิจกรรมร่วมกับพนักงาน คู่ค้า ลูกค้า และชุมชนท้องถิ่นบริเวณใกล้เคียง สรุปได้ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่า ดังนี้
3.2 ประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน
บริษัทมีกระบวนการบริหารความเสี่ยงโดยอยู่ภายใต้นโยบายของบริษัท โดยได้นำหลักเกณฑ์ของ The Committee of Sponsoring Organizations of the Treadway Commission - Enterprise Risk Management (COSO-ERM) มาเป็นแนวทางในการบริหารความเสี่ยงของบริษัท ซึ่งประกอบด้วย 8 องค์ประกอบ ได้แก่
- Internal Environment (สภาพแวดล้อมภายใน)
- Objective Setting (การกำหนดวัตถุประสงค์)
- Event Identification (การบ่งชี้เหตุการณ์)
- Risk Assessment (การประเมินความเสี่ยง)
- Risk Response (การตอบสนองต่อความเสี่ยง)
- Control Activities (กิจกรรมควบคุม)
- Information & Communication (สารสนเทศและการสื่อสาร)
- Monitoring (การติดตามประเมินผล)
สำหรับเกณฑ์การประเมินบริษัทได้พิจารณาระดับความรุนแรงของผลกระทบและโอกาสที่อาจเกิดขึ้นจากกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่าในประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนตามข้อ 3.1 ข้างต้น
3.3 ลำดับความเสี่ยงของประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน
จากผลการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน พบว่าประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่มีความเสี่ยงสูงมี 1 ประเด็น คือความเสี่ยงด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของพนักงาน สำหรับประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนอื่น ๆ ในห่วงโซ่คุณค่าจะมีความเสี่ยงปานกลางถึงต่ำ ดังนี้
ผลการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน
ระดับความเสี่ยงของประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน |
||
ความเสี่ยงสูง |
ความเสี่ยงปานกลาง |
ความเสี่ยงต่ำ |
1. อาชีวอนามัยและความปลอดภัย
|
1. ประสิทธิภาพ ความพร้อมและเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า 2. การไม่เลือกปฏิบัติ 3. ความหลากหลายและโอกาสแห่งความเท่าเทียม 4. เสรีภาพและการเจรจาต่อรองร่วม 5. แรงงานเด็ก 6. แรงงานเกณฑ์ และแรงงานบังคับ 7. ชุมชนท้องถิ่น 8. การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล |
1. ข้อปฏิบัติด้านความปลอดภัย (รปภ.)
|
สำหรับประเด็นอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่มีความเสี่ยงสูงนั้น บริษัทได้มีกำหนดแนวทางการควบคุมการดำเนินงานที่เป็นไปตามมาตรสากลอย่างเคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะเกิดความปลอดภัยแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน โดยรายละเอียดสามารถดูเพิ่มเติมได้ใน หัวข้อ อาชีวอนามัย และความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมการทำงาน ต่อไป
หมายเหตุ : คะแนนระดับความเสี่ยงแบ่งเป็น 4 ระดับ ดังนี้ :
ระดับความเสี่ยงโดยรวม |
ระดับคะแนน |
ความหมาย |
น้อย
|
1-2
|
ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีการควบคุมความเสี่ยง หรือไม่ต้องมีการจัดการเพิ่มเติม |
ปานกลาง
|
3-6
|
ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยต้องมีการควบคุมเพื่อป้องกันไม่ให้ความเสี่ยงเปลี่ยนไปยังระดับที่ยอมรับไม่ได้ |
สูง
|
7-12
|
ระดับความเสี่ยงที่ไม่สามารถยอมรับได้ โดยต้องมีการจัดการความเสี่ยงเพื่อให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ต่อไป |
สูงมาก
|
13-25
|
ระดับความเสี่ยงที่ไม่สามารถยอมรับได้ จำเป็นต้องเร่งจัดการ ความเสี่ยงเพื่อให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ทันที |
บริษัทสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงตามแนวทางการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษชน ด้วยมาตรการเพื่อป้องกัน (Preventive) และลดความเสี่ยงในการเกิดเหตุละเมิดสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ ที่กำหนดไว้อย่างความเข้มงวด และมีการติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิด ซึ่งได้ระบุไว้ในแนวปฏิบัติในการบริหารจัดการข้อร้องเรียนและการเยียวยาด้านสิทธิมนุษยชน รวมทั้งมีการติดตามผลและรายงานผลการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่จะต้องไม่มีกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนตลอดห่วงโซ่คุณค่า
นอกจากนี้ บริษัทยังตระหนักถึงการดำเนินการแก้ไขกรณีที่มีการเกิดเหตุละเมิดใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจะต้องได้รับการเยียวยาที่เหมาะสมกับความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงการป้องกันอย่างทันท่วงที หรือการรับประกันว่าจะไม่เกิดเหตุละเมิดซ้ำ
ตาราง ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและการลดผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของห่วงโซ่คุณค่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย |
ประเด็นผลกระทบ |
แนวทางการจัดการผลกระทบ |
พนักงาน |
|
|
คู่ค้า |
|
|
ลูกค้า |
|
|
ชุมชน |
|
|
- การเยียวยาผลกระทบ
การให้การเยียวยาในกรณีที่มีการละเมิดด้านสิทธิมนุษยชน บริษัทจะมีกระบวนการรับข้อร้องเรียน โดยคาดหวังให้พนักงานของบริษัททุกคนร่วมกันสอดส่องดูแล การปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และจรรยาบรรณธุรกิจ โดยสนับสนุนให้มีการรายงานโดยสุจริตถึงการปฏิบัติที่มีการขัดหรือสงสัยว่าจะขัดและละเมิดสิทธิเกิดขึ้นต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยข้อมูลที่ได้รับจะถือเป็นความลับ ซึ่งทุกข้อร้องเรียนที่มีหลักฐานชัดเจนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเสอภาค โปร่งใส และเอาใจใส่ รวมทั้งให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยมีการกำหนดระยะเวลาการตรวจสอบและสอบสวนข้อร้องเรียนอย่างเหมาะสม และมีแนวทางคุ้มครองสิทธิของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ที่ได้รับความเสียหายจากการละเมิดสิทธิ อันเกิดจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยจะพิจารณาเยียวยาชดเชยค่าเสียหายให้ไม่ต่ำกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งบริษัทยังให้ความสำคัญกับการจัดการข้อร้องเรียนและการแก้ไขปัญหาสำหรับบุคคลและชุมชนที่อาจได้รับผลกระทบจากกิจกรรมทางธุรกิจ โดยได้จัดให้มีกลไกการจัดการข้อร้องเรียนที่ครอบคลุมสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจน พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภายในและภายนอกสามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกและโปร่งใส
นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งคณะกรรมการสวัสดิการ ที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลและเสนอแนะแนวทางการปรับปรุงสวัสดิภาพและความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสมและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยมีการดำเนินงานที่ผ่านมา ได้แก่
- การปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณลานจอดรถเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
- การทาสีผิวหยาบและตีเส้นแบ่งเลนต่างระดับ เพื่อความชัดเจนในการสัญจร
- การจัดทำเนินสะดุดเพื่อลดความเร็วของรถบรรทุกในบริเวณโรงงาน
- การแจกจ่ายและกำหนดการใช้หมวกนิรภัย (Safety Helmet) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในพื้นที่ทำงาน
- การจัดพื้นที่จอดรถจักรยานยนต์ที่เป็นระเบียบและปลอดภัย
- การปรับเปลี่ยนรถบัสรับส่งพนักงานให้เป็นรถปรับอากาศ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย
การรับเรื่องร้องเรียน
บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)
เลขที่ 26/56 อาคารทีพีไอ ทาวเวอร์ ถ.จันทน์ตัดใหม่ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120
โทรศัพท์ 02 2131039
EMAIL: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 ไม่มีรายงานหรือข้อร้องเรียนในการละเมิดด้านสิทธิมนุษยชน ดังนั้น จึงไม่มีการดำเนินการแก้ไขเยียวยาแต่อย่างใด
- การติดตามผลและการรายงาน
บริษัทดำเนินการติดตามผลการปฏิบัติตามมาตราการบรรเทาผลกระทบ ด้านสิทธิมนุษยชนที่กำหนดไว้โดยมุ่งเน้นการบรรเทาและลดผลกระทบเชิงลบ ทั้งนี้ หน่วยงานที่ได้นำมาตรการบรรเทาผลกระทบไปดำเนินการจะต้องมีการติดตามตรวจสอบและทบทวนแผนการดำเนินการเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ และมีการประเมินเพิ่มอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าผลกระทบได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องและเหมาะสมแล้ว
การดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนในปี 2567
บริษัทได้กำหนดเป้าหมายและทิศทางที่ชัดเจนในการส่งเสริมและปกป้องการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยสามารถประเมินความเสี่ยงและลดโอกาสการเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้ในอนาคต มีการเสริมสร้างความตระหนักในด้านการเคารพสิทธิมนุษยชน เพื่อสร้างคุณค่า พัฒนา และต่อยอดโครงการต่าง ๆ โดยเพิ่มการมีส่วนร่วมที่ยึดหลักการเคารพสิทธิมนุษยชนให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มตลอดห่วงโซ่คุณค่า และมีการจัดตั้งคณะกรรมการสวัสดิการเพื่อดูแลและเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพนักงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยคณะกรรมการดังกล่าวจัดประชุมเป็นประจำ 4 ครั้งต่อปี เพื่อเปิดโอกาสในการรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อกังวลต่าง ๆ อันนำไปสู่การพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานและการดูแลพนักงานอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งยังมีการเสริมสร้างความเข้าใจในเรื่องสิทธิมนุษยชนแก่พนักงาน โดยบริษัทได้จัดอบรมและให้ความรู้ให้พนักงานทุกคนผ่านคู่มือจรรยาบรรณธุรกิจ พร้อมทั้งมีการทำแบบทดสอบเพื่อประเมินความเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนและขยายการฝึกอบรมในด้านต่าง ๆ เพื่อยกระดับศักยภาพและพัฒนาความรู้ของพนักงานให้ดียิ่งขึ้น โดยจากผลการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน ในปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในกระบวนการทำงานของบริษัทอยู่ในระดับต่ำ และไม่มีข้อร้องเรียนในประเด็นสิทธิมนุษยชน ที่เป็นสาระสำคัญ โดยในปี 2567 บริษัทได้ดำเนินงานในด้านสิทธิมนุษยชนต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ ดังนี้
การมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายในองค์กร
การเคารพสิทธิพนักงาน
- ไม่มีการใช้แรงงานเกณฑ์ ไม่มีการใช้แรงงานบังคับ และป้องกันไม่ให้มีการใช้แรงงานเด็กที่อายุไม่ถึงเกณฑ์ตามกฎหมายกำหนด
- มีการเลือกตั้งคณะกรรมการสวัสดิการชุดใหม่ประจำปี 2567 เพื่อเป็นตัวแทนพนักงานที่มี บทบาทหน้าที่ในการร่วมเจรจากับบริษัทเกี่ยวกับข้อตกลงที่ส่งผลกระทบต่อพนักงาน
- การให้โอกาสในการจ้างงานอย่างเท่าเทียม โดยไม่เลือกปฏิบัติซึ่งครอบคลุมทั้งผู้พิการและกลุ่มผู้ด้อยโอกาสอื่น บริษัทได้จ้างงานใหม่รวม 96 คน ประกอบด้วยพนักงานทั่วไป 89 คน ผู้สูงอายุ 5 คน และคนพิการ 2 คน รวมทั้งให้การสนับสนุนเงินสมทบเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ตามมาตรา 23 ของพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพคนพิการ พ.ศ. 2550) เพื่อการจ้างงานคนพิการจำนวน 10 คน คิดเป็นอัตราการจ้างงานคนพิการร้อยละ 1.04 ของพนักงานรวม
- บริหารและพัฒนาศักยภาพและทักษะให้แก่บุคลากรอย่างต่อเนื่อง มีการตั้งเป้าหมาย ฝึกอบรมให้พนักงานโดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 20 ชั่วโมงต่อคนต่อปี โดยบริษัทมีระยะเวลาอบรมทั้งหมดเท่ากับ 26,995 ชั่วโมง จำนวนวันอบรมเฉลี่ยของพนักงานต่อคนเท่ากับ 3.91วัน และชั่วโมงอบรมเฉลี่ยของพนักงานต่อคนต่อปีเท่ากับ 23.45 ชั่วโมงต่อคนต่อปี
- การวัดระดับความพึงพอใจในการทำงานและความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรประจำปี 2567 พบว่า ได้ผลคะแนนรวมเฉลี่ยร้อยละ 82.96 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ที่ร้อยละ 75 โดยบริษัทได้นำผลสำรวจความคิดเห็นของพนักงานดังกล่าว ไปพัฒนากิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพนักงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มระดับความพึงพอใจของพนักงานในระดับสูงสุด
- การดูแลพนักงานในด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานของพนักงาน พบว่า
จำนวนผู้บาดเจ็บถึงขั้นเสียชีวิตจากการทำงานเป็นศูนย์ อัตราของการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับงานที่มีผลกระทบสูง เป็นศูนย์ และ อัตราการเจ็บป่วยจากโรคจากการทำงานเป็นศูนย์ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายด้านอาชีวอนามัย และความปลอดภัยที่บริษัทกำหนดไว้ - บริษัทได้จัดให้มีช่องทางสำหรับการรับข้อร้องเรียน ข้อเสนอแนะ และการแจ้งเบาะแสจากพนักงาน เพื่อส่งเสริมให้พนักงานสามารถแสดงความคิดเห็นหรือเสนอข้อกังวลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสภาพการทำงาน โดยช่องทางดังกล่าวได้ถูกกำหนดและประกาศเป็นนโยบายของบริษัทอย่างชัดเจน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าพนักงานทุกคนมีส่วนร่วมและสามารถสื่อสารกับฝ่ายบริหารได้อย่างเปิดกว้างและปลอดภัย
- บริษัทมีการปรับฐานอัตราค่าจ้างแรงงานให้สอดคล้องกับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดในทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้การจ้างงานเป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง
- บริษัทมีการให้ค่าตอบแทนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาด พร้อมทั้งจัดสวัสดิการเพิ่มเติม เช่น ค่าที่พักและค่าเดินทางสำหรับพนักงานที่ปฏิบัติงานในต่างจังหวัด เพื่อสร้างแรงจูงใจและส่งเสริมความผูกพันระยะยาวกับองค์กร
การมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอกองค์กร
การเคารพสิทธิคู่ค้า
- คู่ค้าได้ลงนามรับทราบจรรยาบรรณคู่ค้าด้านการจัดซื้อ จัดหา ว่าจ้าง (Supplier Code of Conduct) ว่าด้วยแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชน ที่บริษัทผลักดันให้คู่ค้าต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด ร้อยละ 97.85 ของคู่ค้าจำนวนทั้งสิ้น 557 ราย
- มีการประเมินความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่เกิดจากคู่ค้าของบริษัท และประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG Risk) กับคู่ค้าทางตรง (Critical Tier 1) จำนวน 8 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.44 ของคู่ค้าทั้งหมด 557 ราย สรุปผลว่าอยู่ในเกณฑ์น่าเชื่อถือได้ ไม่มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่เกิดจากคู่ค้า และด้าน ESG ในทุกหัวข้อการประเมิน
- ยกระดับกระบวนการจัดการความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน มุ่งเน้นการลดความเสี่ยงในการละเมิดสิทธิมนุษยชนและยกระดับคุณภาพชีวิตในสภาพแวดล้อมการทำงาน ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านแรงงาน สุขภาพ ความปลอดภัย และความเป็นอยู่ที่ดี โดยบริษัทมีการให้ความรู้เพื่อสร้างความเข้าใจและการตระหนักรู้ด้านการเคารพสิทธิมนุษยชน และมีการสุ่มตรวจสอบแบบลงพื้นที่จริง ซึ่งพบว่าคู่ค้าไม่มีกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
การเคารพสิทธิลูกค้า
- ผลิตและส่งมอบไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพ และปลอดภัยในการจ่ายกระแสไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
- ผลการประเมินความพึงพอใจโดยรวมของลูกค้าโรงไฟฟ้า (2 ราย ได้แก่ กฟผ. และ บมจ.ทีพีไอโพลีน) ได้คะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 100% โดยบริษัทได้กำหนดเป้าหมายความพึงพอใจของลูกค้าโรงไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 80% ต่อปี
- ผลการประเมินความพึงพอใจโดยรวมของลูกค้าของโรงงานผลิตเชื้อเพลิงขยะ และ บมจ.ทีพีไอ โพลีน ได้คะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 94.75% โดยบริษัทได้กำหนดเป้าหมายความพึงพอใจของลูกค้าโรงงานผลิตเชื้อเพลิงขยะไม่ต่ำกว่า 80% ต่อปี
- นำผลการประเมินความพึงพอใจของลูกค้ามาพัฒนาและปรับปรุงการดำเนินธุรกิจ ผ่านการวิจัยและพัฒนา เทคโนโลยี นวัตกรรม และการบริการ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าให้มีความเสถียรและเชื่อถือได้ พร้อมทั้งยกระดับมาตรฐานการผลิตเชื้อเพลิงขยะให้มีคุณภาพดีขึ้น
- มีการส่งมอบไฟฟ้าให้กับลูกค้าทุกรายได้อย่างมีเสถียรภาพ โดยดำเนินงานภายใต้ความปลอดภัยซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของลูกค้าของบริษัทและบริษัทในเครือ
การเคารพสิทธิชุมชนท้องถิ่น
- การผลิตไฟฟ้าที่มีคุณภาพ และประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และไม่สร้างผลกระทบต่อชุมชนและสังคม มีการตอบสนองนโยบายการลดการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินอันก่อให้เกิดมลพิษสูง โดยการใช้พลังงานทดแทนเป็นเชื้อเพลิง
- มีการสำรวจตรวจสอบสภาพชุมชนและข้อกังวลของชุมชนและสังคมที่อาจได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของบริษัท โดยดำเนินการจัดทำรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2567 รายงานผลการสำรวจติดตามตรวจสอบด้านเศรษฐกิจและสังคมต่อโครงการโรงไฟฟ้าของบริษัทประจำปี 2567 รายงานสรุปผลการสำรวจความพึงพอใจของชุมชนต่อโครงการโรงไฟฟ้าของบริษัทประจำปี 2567 และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประกอบการ CSR-DIW Continuous ประจำปี 2567 พร้อมนำผลสำรวจและข้อมูลที่ได้รับเกี่ยวกับผลกระทบต่อชุมชนและสังคม (หากพบประเด็นปัญหา) มาวิเคราะห์และดำเนินการแก้ไขปรับปรุงเพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม
- บริษัทภายใต้กลุ่ม ทีพีไอ โพลีน ได้สนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ตลอดปี 2567 โดยร่วมกับหน่วยงานและชุมชนในจังหวัดสระบุรีในการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น กิจกรรมวันอนุรักษ์ลำน้ำมวกเหล็ก ณ อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย ร่วมกับ อ.มวกเหล็ก การปลูกต้นไม้ฟื้นฟูป่าและเพิ่มพื้นที่สีเขียวร่วมกับสถานีวิจัยทับกวาง คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และการปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ ในหลายพื้นที่ รวมถึงบริเวณป่าชุมชน ป่าสงวนแห่งชาติ และสถานศึกษา โดยปลูกต้นไม้จำนวนรวมมากกว่า 10,667 ต้น ครอบคลุมพื้นที่ปลูกป่ารวม 150 ไร่ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวเป็นการลดก๊าซเรือนกระจก ลดมลพิษทางอากาศ ป้องกันการพังทลายของดิน และช่วยฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ
- สร้างการมีส่วนร่วมและดำเนินโครงการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในชุมชนโดยรอบโรงไฟฟ้าและสังคมโดยรวม โดยยึดหลักการเคารพในสิทธิขั้นพื้นฐานและความมั่นคงทางอาชีพ
- ได้สนับสนุนโครงการและกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ รวมทิ้งสิ้นจำนวน 38.22 ล้านบาท ให้แก่องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่จดทะเบียน ชุมชน สถานศึกษา วัด โรงพยาบาล และหน่วยงานราชการต่างๆ โดยได้บริจาคผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และผลิตภัณฑ์ของกลุ่มทีพีไอ โพลีน ได้แก่ ปูนซิเมนต์ วัสดุก่อสร้าง ปุ๋ยชีวะอินทรีย์ น้ำดื่ม และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเพื่อป้องกันเชื้อก่อโรค
- ได้สนับสนุนงบประมาณภาคสมัครใจเพื่อช่วยเหลือชุมชนและสังคมรอบโรงไฟฟ้า ได้แก่
- กองทุนประกันสุขภาพแก่ชุมชนในรัศมี 5 กิโลเมตรรอบโรงไฟฟ้า เพื่อเยียวยาการเจ็บป่วยที่เกิดจากโครงการ ดำเนินการตั้งแต่ปี 2562 ณ สิ้นปี 2567 เงินกองทุนฯ มียอดสะสมรวม 3,533,779.06 บาท
- กองทุนเพื่อโครงการวิจัยพัฒนาอาชีพชุมชนและอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการตั้งแต่ปี 2562 ณ สิ้นปี 2567 เงินกองทุนฯ มียอดสะสมรวม 2,466,800 บาท
- งบสนับสนุนคุณภาพด้านบุคลากรอุปกรณ์ทางการแพทย์และงานวิจัยทางด้านสาธารณสุข ดำเนินการตั้งแต่ปี 2562 ณ สิ้นปี 2567 งบสนับสนุนมียอดเงินสะสมรวม 8,093,723.80 บาท
- งบสนับสนุนด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เพื่อใช้สนับสนุนการเพิ่มศักยภาพของโรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพตำบลและบุคลากรสาธารณสุข ดำเนินการตั้งแต่ปี 2562 ณ สิ้นปี 2567 งบสนับสนุนมียอดเงินสะสมรวม 356,273 บาท
- งบสนับสนุนด้านทรัพยากรชีวภาพ สำหรับปลูกป่าให้กับชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่านมูลนิธิสิ่งแวดล้อมเพื่อชีวิต ดำเนินการตั้งแต่ปี 2562 ณ สิ้นปี 2567 งบสนับสนุนมียอดเงินสะสมรวม 1,086,000 บาท
- กลุ่มทีพีไอ โพลีน มอบทุนการศึกษา ให้แก่นักเรียนในโรงเรียนที่อยู่รอบโรงงาน จังหวัดสระบุรี ประจำปี 2567 งบประมาณรวม 295,000 บาท สรุปดังนี้
ต.ทับกวาง
- โรงเรียนบ้านซับบอน 60,000 บาท
- โรงเรียนอนุบาลทับกวาง 60,000 บาท
- โรงเรียนชุมชนนิคมทับกวางสงเคราะห์ 1 60,000 บาท ต.มวกเหล็ก
- โรงเรียนบ้านเขาไม้เกวียน 40,000 บาท ต.มิตรภาพ
- โรงเรียนวัดมวกเหล็กใน 35,000 บาท
- โรงเรียนบ้านซับพริก 40,000 บาท และมอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรหลานที่อยู่ในชุมชนเกษตรสัมพันธ์ หมู่ 10 ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี งบประมาณรวม 45,500 บาท จำนวน 16 ทุน